นอกจากเสียงกีต้าร์เคล้าเสียงร้องสุดละมุน บวกกับสไตล์ดนตรีที่สะดุดหูกับมิวสิควิดีโอที่ดูแปลกใหม่จากวงดนตรีทางเลือกที่อัดแน่นไปด้วยพลังสร้างสรรค์ทางดนตรีอย่าง Whal & Dolph แล้ว วันนี้เราชวนมาเปิดมุมมองคูลๆ เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าเคล้าเสียงเพลง พร้อมแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวจากอารมณ์และความรู้สึกลึกๆ บนถนนสายนี้กับคนดนตรีรุ่นใหม่อย่าง ปอ กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ (ดอล์ฟ – นักร้อง) และ น้ำวน วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ (วาฬ – กีตาร์)
เคยมีประสบการณ์เรื่องสุขภาพจิตเป็นการส่วนตัวไหม
น้ำวน : สำหรับตัวเอง ไม่น่าจะมี เพราะชีวิตค่อนข้างมีความสุขดีครับ
ปอ : เราก็รู้จักคนที่ปัญหาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตบ้าง หลายๆ คนรอบตัวมีประสบการณ์ เรียกว่าเป็นประสบการณ์จากเพื่อนๆ
ในฐานะเพื่อน เรารู้สึกยังไงบ้างเวลาเห็นเขาเป็นแบบนี้
น้ำวน : รู้สึกว่าเป็นห่วงครับ แล้วก็รู้สึกว่าอยากจะให้เขาหายดี บางทีเราก็ช่วยคุยปลอบใจเขา แต่บางทีมันไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด เพราะมันเป็นหลายๆ เรื่องของเขา
ปอ : ตัวเขาก็เคยมาปรึกษาเองด้วยเนี่ย
น้ำวน : ใช่ครับ
แล้วเราคิดว่าอะไรทำให้หลายๆคนไม่ไปพบจิตแพทย์
น้ำวน : ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คิดว่าเขาน่าจะกลัว รู้สึกกลัวว่าตัวเองจิตไม่ปกติ แต่ถ้าเป็นยุคนี้เราคิดว่าข้อมูลต่างๆ ในโลกมันมากขึ้น คนรับรู้ว่า “เอ้ย…เป็นอย่างนี้มันไม่ได้น่าอาย” หรือเราไม่ได้เป็นบ้านะ เราแค่เป็นโรคโรคหนึ่งที่มันเกิดขึ้นในสมองเรา แต่ตอนนี้ปัญหาน่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย ที่ค่อนข้างสูง
ความเครียดของนักดนตรี ที่มีอาชีพเป็นการสร้างความสุขให้กับคนอื่น มันเป็นยังไงเหรอ
แล้วการเป็นนักดนตรี ทำงานกับสาธารณชนอย่างนี้ เวลาเครียดเราจัดการกับตัวเองอย่างไร
ปอ: ก็ออกไปซื้อของ ไปช้อปปิ้ง
น้ำวน : ใช่ๆ
ปอ : ไปกินข้าว ไปเที่ยว ผมว่ามันทำได้หลายวิธี แต่ละคนจะมีมีวิธีที่ไม่เหมือนกันด้วย
น้ำวน : ดูที่สถานการณ์ครับ สมมติว่าผมอยู่บนรถของปอก็จะคุยเล่นกัน เวลาที่ไม่อยากเครียดแล้วอะไรอย่างนี้ ถ้าอยู่บ้านก็หาอะไรทำ เล่นกับหมาแมว ดูหนังก็ว่ากันไป
คิดว่าสังคมไทยทุกวันนี้เป็นสังคมแห่งการรับฟังไหม
ปอ : คือเราก็ไม่ใช่ผู้รู้ แต่จากความรู้สึก ผมคิดว่ามันไม่ใช่ทั้งสังคมที่พร้อมจะรับฟัง
น้ำวน : ใช่ ยังไม่ขนาดนั้น คือบางคนเขาสามารถรับฟังคุณได้จริงๆ แต่บางคนคือก็รับฟังได้ไม่ดี
ต่างกันอย่างไร รับฟัง กับ รับฟังไม่ดี
ปอ : ถ้ารับฟังได้ดีก็เหมือนเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นการรับฟังที่ดี เราฟังเรื่องเพื่อน แล้วเราอินไปกับเขาด้วย เราพยายามช่วยคิด ช่วยหาทางออก แต่ถ้ารับฟังเฉยๆ ก็ฟังผ่านๆ อีกพักหนึ่งก็ลืม
น้ำวน : หรือแย่่ๆเลย เขาอาจจะเอาเราไปเม้าท์ต่อ ก็จะมีคนประเภทนั้นอยู่
แล้วอย่างนักศึกษาสมัยนี้ที่เวลาครียด จะมีข่าวเด็กฆ่าตัวตาย คิดว่าอะไรพาเขาไปสู่จุดนั้น
น้ำวน : น่าจะเป็นแรงกดดัน อย่างบางมหาวิทยาลัยอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง เวลาที่บ้านก็ส่งให้มาเรียนมันต้องแบกความหวังไว้พอสมควร หากผลการเรียนออกมาไม่ดีเท่าที่เขาคิด เขาอาจจะไปถึงจุดนั้นได้ อาจมีความเครียดกลัวที่บ้านว่าบ้าง กลัวโดนรีไทร์บ้าง….
ปอ: เราว่ามันมีหลายๆ เรื่อง
น้ำวน : ช่วงชีวิตตอนมหาวิทยาลัยเป็นเหมือนช่วงใหญ่ๆ ที่ชีวิตมีความเปลี่ยนแปลงเยอะ อย่างเรื่องความสัมพันธ์ก็มีส่วนเยอะเลย
คิดว่าทำไมโครงการ Wall of Sharing ถึงน่าสนับสนุนบ้าง
ปอ : ความคิดแรกเลยคือ โครงการนี้ช่วยคนที่รายได้น้อย อย่างนักศึกษา ให้ไปหาจิตแพทย์ได้สะดวกขึ้น (Wall of Sharing เป็นโครงการที่ให้นักศึกษารับบริการด้านจิตวิทยาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย) บางคนก็กังวล คิดว่าจ่ายเงินไปหาจิตแพทย์ครั้งละเป็นเกือบหมื่น อะไรอย่างนี้
น้ำวน : หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้กล้าบอกที่บ้าน
ปอ : ซึ่งเขาก็ไม่ไหว บางทีพ่อแม่ ครอบครัวเขาอาจจะไม่เข้าใจว่าเป็นโรคอะไร หรือเจ้าตัวก็อาจจะรู้สึกอายตัวเอง หลายๆ อย่างผสมกัน เราเลยคิดว่าโครงการนี้ดีมาก ตรงที่เราสามารถแบบคุยผ่านแอพลิเคชันในมือถือได้เลย
น้ำวน (เสริม) : ข้อดีคือ เราไม่ต้องไปเจอหน้าหมอ เพราะบางคนอาจจะไม่กล้าไปหาหมอถึงขนาดนั้น
ปอ : ใช่ เราก็แค่คุย มันดูเข้าถึงง่ายกว่า ดูไม่ได้น่ากลัวแบบที่ต้องไปที่คลินิกหรือโรงพยาบาล
น้ำวน : เพราะทุกคนก็เล่นมือถืออยู่แล้วไง มันง่ายกว่า
ปอ : แล้วก็ช่วยได้
ฝากเชิญชวนคนมาสนับสนุน Wall of Sharing
ปอ : ก็เชิญชวนทุกคนเลยนะครับ มาสนับสนุนโครงการนี้ครับ มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยชาวโลก ทุกวันนี้ยิ่งมี คนเครียดเยอะมากขึ้น มีปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น ก็อยากให้ช่วยเหลือกัน ส่วนคนที่ยังเรียนอยู่ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ลองใช้ดูครับ
น้ำวน : เหมือนมาร่วมทำบุญกันเนาะ
ปอ : ใช่ๆ เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยครับ
เรียกว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว เยียวยาปัญหา และดีลกับความรู้สึกตัวเองในแบบฉบับของนักดนตรีที่หลายคนอาจจะนำไปปรับใช้กับตัวเองได้ไม่น้อย และทำให้เรารู้ว่าเบื้องหลังเพลงเพราะๆ ละมุนหู ที่ฟังดูเศร้าและลุ่มลึกอยู่ในทีกับ MV สุดยียวนชวนฉงน ล้วนได้มาจากประสบการณ์ อารมณ์ ความคิด ความรู้สึกนึกคิดแบบนี้ ที่ทำให้เราได้รู้จักทั้งสองคนมากขึ้น รวมทั้งมุมมองสะท้อนสังคมปัจจุบันและโรคซึมเศร้าที่น่าสนใจของสองหนุ่ม อ่านแล้วเราอาจจะฟังเพลงของพวกเขา ชาวปลาวาฬและโลมาได้เพราะขึ้น พร้อมกับเข้าใจตัวเองมากขึ้นก็ได้นะ
อ่านและบริจาคให้กับ wall of sharing ได้ทาง https://taejai.com/th/d/wallofsharing/